เทคนิคสอบติดแพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
สวัสดีค่ะ พี่เป็นคนนึงที่อยากเป็นหมอเหมือนกับน้องๆหลายๆคน พี่ไม่ใช่คนที่เก่งอะไร...
อาชีพหมอเป็นอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่ความฝันนั้นจะกลายเป็นความจริงได้ก็ต่อเมื่อเราเป็นคนที่ถูกเลือกจากผู้สมัครสอบเข้าหมอกว่าหมื่นคนซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ในปี 2559 นี้เป็นปีที่พี่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งผลออกมาว่าพี่สามารถสอบได้ในคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่กว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ พี่ก็ต้องใช้ความพยายามมากเหมือนกัน พี่เป็นเด็กที่ไม่ได้เก่งมาก ละก็ชอบคิดว่าเราคงจะสู้คนอื่นไม่ได้ แต่มีคนบอกกับพี่เสมอว่าถ้าเก่งไม่เท่าเค้าก็ต้องขยันเอา เมื่อไม่มีพรสวรรค์ก็ต้องใช้พรแสวง ใช้การทวนบ่อยๆ ทำซ้ำๆแทน ดังนั้นเทคนิคแรกที่พี่อยากจะแนะนำน้องๆก็คือการขยันอย่างต่อเนื่อง หมายความว่าไม่ใช่น้องขยันอยู่ไม่กี่วันแล้วมันยังไม่เก่งขึ้นน้องก็ถอยแล้วนะ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา เราอาจจะไม่เก่งขึ้นในสองสามวันแต่ถ้าเราขยันไปเรื่อยๆ พี่รับรองว่าเราต้องเก่งขึ้นแน่นอนนะ
เทคนิคต่อมาคือการรู้จักแบ่งเวลา เวลาของเราทุกคนมีเท่ากัน แต่ทำไมผลที่ออกมาถึงต่างกัน ก็เพราะ การจัดสรรเวลาของแต่ละคนมีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน สำหรับพี่ตอนพี่อยู่ม.4 เป็นปีที่ต้องทำกิจกรรมเยอะมาก บางอาทิตย์ก็ไม่ได้แตะหนังสือเลยก็มี พี่ก็ใช้วิธีตั้งใจเรียนในห้อง ทำความเข้าใจตั้งแต่ตอนเรียนเลย เพราะถ้าเราเข้าใจแล้ว เวลาทวนเราก็จะใช้เวลาแปปเดียวซึ่ง พี่ก็จะใช้เวลาตอนนั่งรถ หรือ ก่อนนอน10นาทีในการทวนอะไรประมาณนี้ แล้วก็ถ้าไม่เข้าใจก็ถามอาจารย์หรือถามเพื่อนเลยนะ อย่าเก็บข้อสงสัยไว้ พี่ก็เคยเป็นแบบพอไม่เข้าใจก็จดตามไปก่อน คิดว่าเดี๋ยวค่อยมาทำความเข้าใจทีหลังก็ได้แต่ความจริงการทำความเข้าใจมันใช้เวลานาน แล้วก็บางทีเรื่องที่เรียนมันต่อกันกลายเป็นเราไม่เข้าใจทั้งเรื่องเลย แล้วก็จะพลอยไม่อยากเรียนไปด้วย
ตอนพี่อยู่ม.5 พี่ก็เริ่มเรียนคอร์สเอนท์ในบางวิชาค่อยๆเก็บไปเรื่อยๆ อย่าคิดว่าเรามีเวลาอีกเยอะเดี๋ยวค่อยเรียนตอนม.6ทีเดียวก็ได้เพราะคอร์สเอนท์มันค่อนข้างใช้เวลานาน ละก็มีหลายวิชา ถ้าเราไม่เริ่มเรียนตั้งแต่เนิ่นๆ พอเวลาจริงๆเราจะรน รู้สึกว่าตัวเองเรียนไม่ทันซักอย่าง แล้วก็จะกดดันตัวเอง ซึ่งมันจะเป็นผลเสียกับตัวเราเองนะก็พี่อยากให้น้องๆแบ่งเวลาให้ดีทั้งการทำกิจกรรมแล้วก็การเรียน การเรียนก็แล้วแต่สไตล์ของน้องบางคนก็เรียนเยอะ เพราะรู้สึกเหมือนได้ฟังในห้องเรียนซ้ำๆ บางคนก็เรียนน้อยใช้การทวน การอ่านเองมากกว่า ก็เลือกแบบที่เราคิดว่าเหมาะกับตัวเรานะ เทคนิคต่อมาคือการฝึกจับเวลาทำโจทย์ ถ้าเราอ่านแต่เนื้อหา พอเราไปเจอโจทย์จริงๆเราอาจจะทำไม่ได้ หรือทำผิดเพราะเราไม่ชินกับการหลอกของโจทย์ถ้าเราทำโจทย์เราก็จะมองออกว่าโจทย์ข้อนี้จะหลอกอะไรแล้วต้องระวังตรงไหน โอกาสได้คะแนนก็จะมากขึ้น แล้วก็ การสอบเป็นสิ่งที่ต้องแข่งกับเวลา การทำไม่ทันกับทำไม่ได้มีผลเหมือนกันคือไม่ได้คะแนน เพราะฉะนั้นการจับเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก อาจจะลองให้เวลาตัวเองไปก่อนแล้วค่อยๆลดเวลาต่อข้อลงมา ฝึกทำให้เร็วขึ้น อาจจะบีบเวลาต่อข้อให้น้อยลงกว่าเวลาที่ได้ตอนสอบจริง เพราะพอเราเข้าห้องสอบด้วยบรรยากาศจะทำให้เรารน แล้วก็ทำไม่ทันได้
เทคนิคต่อมาคือการแข่งกับตัวเอง ชนะใจตัวเอง พี่เข้าใจว่าเราจะมีอารมณ์แบบอยากเล่นไม่อยากอ่านแล้ว ซึ่งพี่ก็เป็นแต่เราลองคิดนะเรายอมสละเวลาอ่านหนังสือไม่กี่เดือนเพื่อแลกกับการทำอาชีพที่เรารักไปตลอดชีวิต พี่ว่ามันคุ้มมากเลยนะ พอเราสอบเสร็จเราก็จะปิดเทอมแบบยาวๆ เดี๋ยวค่อยไปเล่นตอนนั้นก็ได้ อย่าเสียเวลาไปกับคำว่าเดี๋ยว เดี๋ยวค่อยอ่าน เดี๋ยวค่อยทำ เพราะจริงๆแล้วเวลามันผ่านไปเร็วมาก จนเราไม่อยากจะเชื่อว่าแปปๆก็สอบแล้ว สัญญากับตัวเองนะน้องว่าเราจะทำให้ดีขึ้นในทุกๆวัน ทำให้เต็มที่ ถ้าเราทำเต็มที่เราจะไม่เสียใจ ไม่มีคำว่ารู้งี้อ่านไปนานแล้ว แล้วถึงเวลานั้นเราก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนะ แล้วก็เรื่องการสอบถ้าในสนามแรกๆที่เราสอบเราทำได้ไม่ดี ก็อย่าท้อน้า ให้เอามันมาเป็นแรงผลักดันเราในการอ่านหนังสือดีกว่า การสอบจะทำให้เรารู้ในจุดบกพร่องของตัวเองซึ่งเราสามารถนำตรงนั้นมาพัฒนาได้
สุดท้ายนี้พี่ก็ขอให้น้องๆทุกคนที่กำลังจะสอบโชคดีนะ สอบได้ในคณะที่ใฝ่ฝันนะ อยากให้รู้ว่ามันไม่มีคำว่าสายสำหรับคำว่าพยายามนะแล้วก็ที่สำคัญอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยน้าอย่าหักโหมจนเกินไป พี่ขอเป็นกำลังใจให้จ้าา
นส. กิตติ์รวี พิศาลวรวัฒน์ (เนส)
รร.เตรียมอุดมศึกษา GPA 3.98
สอบติดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
คะแนนสอบเฉลี่ย 79.3 (เลข 88 / เคมี 86 / ชีวะ 80 /อิ้ง 80 /ไทย 88)
สวัสดีค่ะ พี่เป็นคนนึงที่อยากเป็นหมอเหมือนกับน้องๆหลายๆคน พี่ไม่ใช่คนที่เก่งอะไร...
การเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ไม่อยากให้น้องๆยึดติดกับวิ...