วิธีการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย

เริ่มเลยตอนช่วงปิดเทอมซัมเมอร์เป็นช่วงที่เรียกว่าเรียนพิเศษหนักมาก แต่ตอนนั้นพี่ก็ยังไม่ได้ตระหนักอยู่ดีว่าต้องไปอ่านหนังสือยังรู้สึกชิวๆ อีกหลายเดือนกว่าจะสอบ(หลายคนก็ตายก็เพราะคำว่าหลายเดือน555555) จนพอมาเปิดเทอมม.6เทอม1 ตอนนั้นเพื่อนๆในห้องฟิตกันมากจนพี่รู้สึกว่าเราต้องฟิตบ้างแล้ว ตอนนั้นพี่ก็เลยอ่านอ่านอ่าน อ่านเก็บเนื้อหาบ้างทำโจทย์บ้าน ยังใช้ชีวิตเรื่อยๆ

และแล้ววันที่เลือกลำดับกสพท.ก็มาถึงคำแนะนำในการเลือกคือ 2อันดับแรกเอาสถาบันเราอยากเรียนมากที่สุดเพราะเราก็ไม่รู้หรอกบางทีปีนั้นคะแนนอาจจะลด อย่าไม่เลือกเพียงเพราะคิดว่าเราทำไม่ได้ จำไว้ว่าคนเราเมื่อตั้งใจแล้วย่อมไปได้ไกลกว่าที่ตนเองคิดแน่นอนจ้า ส่วน2อันดับท้ายเนี่ยเราควรจะเลือกสถาบันที่คิดว่าชัวร์ๆไว้กันพลาดจ้า

สำหรับสนามสอบแพทย์สนามแรกคงหนีไม่พ้นสนามแพทย์ขอนแก่น สนามนี้เราต้องเดินทางไปสอบถึงขอนแก่นถามว่าตอนนั้นพี่พร้อมมั้ย ผลที่ออกมาคือ 'ไม่ติด' ตอนนั้นเสียใจนะแต่มันไม่มีเวลาให้เราเสียใจนายหรอกเพราะหลังจากที่ประกาศผลมข.แล้วอีกแค่ราวๆ1เดือนก็ต้องสอบความถนัดแพทย์แล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือนี่สิคือ บทเรียนที่สำคัญที่จะกล่าวถึงย่อหน้าถัดไป 

" If you don't fight for what you want ,don't cry for what you lost "

เทคนิคอ่านอย่างไรให้ไม่ติดหมอ /อ่านไม่ผิดหรอก/

สิ่งที่พี่จะเขียนต่อจากนี้เป็นสิ่งที่พี่เรียนรู้จากการไปสอบมข. เริ่มเลยคือพี่เป็นคนที่อ่านเยอะมากๆๆ ทำโจทย์ก็เยอะมากๆๆ แต่ถามว่าพี่ได้อะไรจากการอ่านและทำโจทย์มั้ย ตอบเลยว่า 'ไม่' เพราะสิ่งที่พี่ทำในตอนนั้นคือ เอาแต่ปริมาณไม่เน้นคุณภาพ เน้นแต่ว่าอ่านให้ได้เยอะๆ พอหลังจากที่รู้ตัวว่าสอบไม่ติดพี่เลยเปลี่ยนวิธีการอ่าน เป็นเน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณแล้วข้อไหนที่เราทำโจทย์แล้วผิดก็ให้จดสิ่งที่ผิดไว้ในสมุด แล้วเอาสมุดเล่มนั้นมาทบทวนบ่อยๆ แล้วก็อ่านเน้นจับใจความของเนื้อหาอย่าเน้นจำนวณหน้า

ต่อมาก็จะเป็นสนามสอบความถนัดแพทย์ สนามนี้ก็ถือเป็นสนามที่สำคัญเหมือนกัน อาจจะเปลี่ยนจากมหาลัยนึงไปอีกมหาลัยนึงได้เลยโดยเฉพาะพาร์ทเชื่อมโยงที่ถ้าตอบผิดนิดหน่อยนี่คะแนนหายได้เลยต้องระวังตรวจทานดีๆ

และแล้วก็ถึงสนามที่สำคัญที่สุด 9วิชาสามัญ เป็นสนามที่ว่าที่หมอทุกคนมุ่งมั่นให้สนามนี้มากๆ สนามนี้ตอนสอบเราต้องมีสมาธิให้มากๆ อย่าลน สติสมาธิสำคัญมากๆ ในส่วนของ70%หลังนี้คะแนนของวิชาอังกฤษและเลขมีสัดส่วนสูงมากเรียกได้ว่าใครเก่ง2วิชานี้โชคดีมากแต่ถ้าเรายังไม่เก่ง ก็ค่อยฝึกฝนกันไป ส่วนวิชาอื่นๆก็สำคัญเหมือนๆกันนะเพราะฉะนั้นห้ามทิ้งวิชาใดวิชาหนึ่งไม่อย่างนั้นมีสิทธิที่จะไม่ถึง30%ได้นะ ตอนนั้นต่อให้คะแนนเราถึงจุฬา ศิริราชแต่ถ้าวิชสใดวิชาหนึ่งไม่ถึง30%ก็อดจ้า เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งอย่าเทน้า

คำแนะนำในการเตรียมตัวสอบกสพท.

สำหรับการอ่านนั้นตามที่ได้บอกไปแล้วข้างบนว่าให้อ่านให้ได้ใจความได้คุณภาพอย่าเอาแต่ปริมาณการทำโจทย์ก็เหมือนกัน คนที่ทำโจทย์เยอะอาจจะไม่ใช่คนๆเดียวกันกับคนที่ติดกสพท.ก็ได้ แต่ยังไงซะการทำโจทย์เยอะก็เป็นเรื่องที่ดีแต่เวลาที่เราทำเราควรจะเรียนรู้จากข้อที่เราผิดพลาด

สำหรับเวลาในการอ่านนั้นพี่ไม่ค่อยนอนดึกแต่จะตื่นเช้ามาอ่านแทน เพราะอ่านตอนดึกๆบางทีสมองมันปิดไปแล้วอ่านไปก็ไม่ค่อยเข้าหัว พี่ก็เลยอ่านตอนเช้าดีกว่าตี4ตี5 แล้วนอนเที่ยงคืน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องบริหารเวลาให้ดีๆ จัดตารางการอ่านให้เหลือเวลาทำโจทย์ และทบทวนก่อนสอบ ในห้องสอบก็เช่นกันเราต้องบริหารเวลาให้ดีข้อไหนที่คิดว่าคุ้มหรือคิดว่าทำได้แน่ๆในเวลาอันสั้นก็ให้ทำข้อไหนที่ทำไม่ได้ก็ข้ามไปก่อน อย่าติดข้อไหนนานๆ หรือข้อไหนอ่านโจทย์แล้วไม่คุ้นเลยก็ข้ามไปก่อนเลย เราไม่รู้หรอกอาจจะมีข้อง่ายๆซ่อนอยู่ข้าวหลัง

สำหรับช่วงก่อนสอบ-วันสอบ ช่วง1สัปดาห์ก่อนสอบเป็นช่วงที่เราควรรีแล็กซ์ได้แล้วเอาเนื้อหามาทบทวน อ่านทบทวนข้อที่เราทำผิด แล้วก็รีบนอนแต่หัวค่ำ รักษาตัวอย่าให้ป่วยช่วงใกล้สอบ คืนก่อนสอบก็ทำตัวสบายๆชิวๆ เช้าวันสอบจะได้ไม่เครียด ที่สำคัญตอนสอบอย่าไปลน วิชาไหนที่สอบผ่านไปแล้วก็อย่าเก็บไปคิดให้เสียใจผ่านไปแล้วเราแก้ไขมันไม่ได้ที่ทำได้คือ ทำวิชาต่อไปให้ดีที่สุด ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไรเพราะถือว่าเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว

ขนาดกองไฟต่อให้ลุกโชนแค่ไหนพอเวลาผ่านไปไฟก็ค่อยๆมอด ตัวพี่เองก็เคยเป็นนะ เราอ่านมาจนถึงจุดที่รู้สึกไม่อยากอ่านต่อแล้ว ขี้เกียจ พอและ เบื่อตอนนั้นพี่ก็นึกประโยคนึงที่มีคนเคยบอกว่า "ต้องไหวดิวะ สู้มาขนาดนี้แล้ว" โอ้โหประโยคสั้นๆแต่โครตปลุกใจเลยถ้าเราหยุดไม่ทำต่อแล้ว แล้วที่ผ่านมาเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร ประโยคๆนี้แหละที่ช่วยให้พี่ผ่านพ้นช่วงที่หมดไฟ โครตกินใจเลย เยี่ยมจริงๆเยี่ยมจริงๆ

สุดท้ายนี่อยากบอกว่า สู้ๆน้าแล้วน้องจะรู้ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนในวันที่ได้มีชื่อตัวเองอยู่ในประกาศกสพท.

อยากบอกว่า "ความพยายามไม่เคยทรยศใคร" (เครดิตคำพูดจากอาจารย์ท่านนึง)

นส. ภูน้ำ วงศ์คงคาเทพ (น้ำ)
รร.เตรียมอุดมศึกษา GPA 3.50
สอบติดคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ม.มหิดล
คะแนนเฉลี่ย 70.5 (เลข 85 / เคมี 72 / อิ้ง78.75)