สอบเข้า ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
หากจะกล่าวถึงโรงเรียนในฝันที่นักเรียนระดับชั้น ม.3 สนใจและอยากสอบเข้าศึกษาต่อมากที่สุดในปัจจุบัน ตัวเลือกอันดับแรก คือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งจะสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในช่วงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี ถือว่าเป็นสนามสอบแข่งขันคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในช่วงแรกของปีการศึกษา
ลักษณะการสอน : ปรับพื้นฐาน สรุปเนื้อหาอย่างเข้มข้นของเนื้อหาที่เรียนในชั้น ม.ต้นทั้งหมด รวมถึงเนื้อหาบางส่วน ของมัธยมปลาย โดยสามารถเน้นเฉพาะจุดที่ไม่เข้าใจ พร้อมทั้งเทคนิคลัด วิธีจำ แนะแนวการเตรียมตัวก่อนสอบ เก็งข้อสอบ หรือเนื้อหาที่ใช้ออกข้อสอบบ่อยๆ
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
เป็นโรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งแรก ของประเทศไทย อยู่ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่ถ.พญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ในปีหนึ่งจะมีการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาชั้นม.4 เป็นจำนวนมาก แบ่งออกเป็น
-
แผนวิทย์-คณิต จำนวน
1000 คน
แบ่งกลุ่มย่อยตามวิชาเลือกอีก 8 กลุ่ม คือ คอมพิวเตอร์ การบริหารจัดการ วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ประยุกต์ คุณภาพชีวิต ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีน
-
แผนภาษา-คณิต จำนวน
160 คน มีการเรียนเพิ่มวิชาบริหารจัดการ และภาษาจีน
-
แผนภาษา-ภาษา แบ่งกลุ่มย่อยตามภาษาที่เลือกอีก 5 กลุ่ม คือ
- ฝรั่งเศส จำนวน 95 คน
-
เยอรมัน จำนวน 80 คน
-
ญี่ปุ่น จำนวน 80 คน
-
สเปน จำนวน 25 คน
-
จีน จำนวน 40 คน
ประเภทและเกณฑ์การรับนักเรียน
1) ประเภทโควตาจังหวัด (ไม่เกินร้อยละ 20 หรือ ประมาณไม่เกิน 300 คน)
คุณสมบัติพิจารณาจาก
- ทะเบียนบ้าน หรือที่ตั้งของโรงเรียน
- มีผลการเรียนในกลุ่มสาระฯ ที่นักเรียนสมัคร ดังนี้
- กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้นวิทย์-คณิต ต้องมีระดับคะแนนของชั้น ม.1-ม.3 (5 ภาคเรียน) ในรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน และเพิ่มเติม ไม่ต่ำกว่า 3.9 /ในรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน และเพิ่มเติม ไม่ต่ำกว่า 3.9/และมีระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม ไม่ต่ำกว่า 3.8
- กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น ภาษา-คณิต ต้องมีระดับคะแนนของชั้น ม.1-ม.3 (5 ภาคเรียน) ในรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน และเพิ่มเติม ไม่ต่ำกว่า 3.9 /ในรายวิชาภาอังกฤษพื้นฐาน และเพิ่มเติม ไม่ต่ำกว่า 3.9 /ในรายวิชาภาษาไทย ไม่ต่ำกว่า 3.9 /และมีระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม ไม่ต่ำกว่า 3.8
- กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น ภาษาฝรั่งเศส/ เยอรมัน/ญี่ปุ่น ในรายวิชาภาอังกฤษพื้นฐาน และเพิ่มเติม ไม่ต่ำกว่า 3.9 /ในรายวิชาภาษาไทย และสังคมศึกษา ไม่ต่ำกว่า 3.9 /และมีระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม ไม่ต่ำกว่า 3.8
2) ประเภทสอบคัดเลือก (ร้อยละ 80 หรือ ประมาณไม่เกิน 1,200 คน) แบ่งเป็น 2กลุ่ม ดังนี้
2.1 กลุ่มประเภทความสามารถพิเศษ (ไม่เกินร้อยละ 5 หรือ ไม่เกิน 80 คน) ได้แก่
- ความสามารถพิเศษด้านวิชาการ
เช่น ประสบการณ์เข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ สสวท หรือ ผ่าน สอวน.ค่าย 2 / ได้รับรางวัลเหรียญทอง เงิน หรือ แดง ด้านวิชาการ/ได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนศูนย์ไปแข่งระดับชาติ ฯลฯ
- ความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีร่วมสมัย ดุริยางค์ นาฎศิลป์ ศิลปะ
2.2 กลุ่มประเภทสอบคัดเลือก
- แผนวิทย์-คณิต จำนวน 750 คน
- แผนภาษา-คณิต จำนวน 110 คน
- แผนภาษา-ฝรั่งเศส จำนวน 65 คน
- แผนภาษา-เยอรมัน จำนวน 60 คน
- แผนภาษา-ญี่ปุ่น จำนวน 60 คน
- แผนภาษา-สเปน จำนวน 25 คน
- แผนภาษา-จีน จำนวน 40 คน
ซึ่งจะมีการสอบคัดเลือกทั้งหมด 5 วิชา คือ
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยและสังคมศึกษา ข้อสอบมีทั้งปรนัยและเติมคำแต่ไม่มีการแสดงวิธีทำ ระดับของข้อสอบนั้นก็ยากพอสมควร (ใช้ร้อยละ 95) และผลการสอบ O-Net เฉพาะ
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยและสังคมศึกษา (ใช้ร้อยละ 5) สามารถกรอกข้อมูลสมัครผ่าน หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง
http://www.triamudom.ac.th/
สอบเข้า ม.4 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
ในระยะหลังได้มีโรงเรียนที่เป็นทางเลือกใหม่และเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเรียนชั้นม.3 ทั่วประเทศให้ความสนใจอยากศึกษาต่อมากที่สุดโรงเรียนหนึ่ง นั่นก็คือ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ซึ่งจะทำการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ถือว่าเป็นสนามสอบแข่งขันที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ลักษณะการสอน: ปรับพื้นฐาน สรุปเนื้อหาอย่างเข้มข้น ของเนื้อหาที่เรียนในชั้น ม.ต้นทั้งหมด
รวมถึงเนื้อหาบางส่วน ของมัธยมปลาย โดยสามารถเน้นเฉพาะจุดที่ไม่เข้าใจ พร้อมทั้งเทคนิคลัด วิธีจำ แนะแนวการเตรียมตัวก่อนสอบ เก็งข้อสอบ หรือเนื้อหาที่ใช้ออกข้อสอบบ่อยๆ
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย มีฐานะเป็นองค์การมหาชน ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฆล
จ.นครปฐม เป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นเพื่อ
สร้างนักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ ในปีหนึ่งจะมีการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาชั้นม.4 จำนวนเพียง
240 คน (โดยประมาณ) เนื่องจากมีสายการเรียนเดียว คือ แผนวิทย์-คณิต
โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติหลักดังนี้
- กำลังศึกษาอยู่ในชั้นม.3 หรือเทียบเท่า
- มีผลการเรียน
- ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมรวมทุกรายวิชาในชั้นม.1 ละ ม.2 ไม่ต่ำกว่า 3.00
- ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานในชั้นม.1 ละ ม.2 ไม่ต่ำกว่า 3.00
- ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานในชั้นม.1 ละ ม.2 ไม่ต่ำกว่า 3.00
- มีสัญชาติไทยและมีเลขประจำตัวประชาชน
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์จึงต้องเน้นหนักทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาก ดังนั้นข้อสอบจึงมีเพียง 2 วิชาคือ
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ลักษณะของข้อสอบนั้น จะวัดความสามารถในด้านทักษะการคิดวิเคราะห์และการให้เหตุผล ข้อสอบจึงมีทั้งปรนัย เติมคำและแสดงวิธีทำทั้งสองวิชา (วิชาละ 2.5 ชม. สอบภายใน 1 วัน) โดยนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกจะได้รับทุนการศึกษา (ไม่เสียค่าเล่าเรียน+ที่พัก) เต็มตลอดระยะเวลาที่เรียนในโรงเรียน สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง
https://apply.mwit.ac.th/mwit/
สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
การสอบคัดเลือกกระทำเป็นสองรอบ ดังนี้
การสอบรอบแรก เป็นการสอบภาควิชาการ วิชาที่สอบได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยและสังคมศึกษาตามหลักสูตรไม่เกินชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม. 3) ของกระทรวงศึกษาธิการ มีรายละเอียดดังนี้
1.
คณิตศาสตร์ (คะแนนเต็ม 250 คะแนน)
2.
วิทยาศาสตร์ (คะแนนเต็ม 250 คะแนน)
3.
ภาษาอังกฤษ (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) การใช้ไวยากรณ์พื้นฐาน, ความสามารถในทักษะการอ่าน, ความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อสื่อสารคำศัพท์และสำนวนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
4.
ภาษาไทยและสังคมศึกษา (คะแนนเต็ม 100 คะแนน)
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะคัดเลือกผู้ที่สอบภาควิชาการผ่าน โดยคัดเลือกจากผู้ที่ได้คะแนนภาควิชาการรวมสูงสุดมาตามลำดับ ไว้จำนวนหนึ่ง แล้วประกาศรายชื่อเพื่อให้เข้าสอบรอบสองต่อไป
การสอบรอบสอง เป็นการตรวจร่างกาย ตรวจสอบประวัติ ทดสอบบุคลิกภาพ สอบพลศึกษา สอบสัมภาษณ์ และวัดขนาดร่างกาย มีรายละเอียดดังนี้
1. การตรวจร่างกายและตรวจสอบประวัติ ผู้สมัครจะต้องเข้ารับการตรวจร่างกาย ตามสถานที่ วัน เวลา ที่จะประกาศให้ทราบ ผู้ไม่ไปรับการตรวจร่างกายถือว่าสละสิทธิผลการตรวจร่างกาย ถือความเห็นของคณะกรรมการคัดเลือกเป็นเด็ดขาด
2. การสอบพละศึกษา เป็นการทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย มีคะแนนเต็ม 50 คะแนน
- ดึงข้อราวเดี่ยวถ้าทำได้ 20 ครั้ง จะได้คะแนนเต็ม
- ลุกนั่ง 30 วินาทีถ้าทำได้ 25 ครั้ง จะได้คะแนนเต็ม
- ยึดพื้นหรือดันข้อถ้าทำได้ 54 ครั้ง จะได้คะแนนเต็ม
- วิ่งระยะสั้น (50 เมตร) ถ้าทำได้ไม่เกิน 5.5 วินาที จะได้คะแนนเต็ม
- วิ่งระยะไกล (1000 เมตร) ถ้าทำได้ไม่เกิน 3.18 นาที จะได้คะแนนเต็ม
- ยืนกระโดนไกลถ้าทำได้ 2.5 เมตร จะได้คะแนนเต็ม
- ว่ายน้ำ 50 เมตรถ้าทำได้ 40 วินาที จะได้คะแนนเต็ม
- วิ่งกลับตัว (วิ่งเก็บของ) ถ้าทำได้ 9.5 วินาที จะได้คะแนนเต็ม
การวัดขนาดร่างกายและสอบสัมภาษณ์ เป็นการพิจารณารูปร่าง ลักษณะท่าทาง ความสมบูรณ์ของร่างกาย ความองอาจ ว่องไวและปฏิภาณไหวพริบ ตลอดจนคุณลักษณะอื่น ๆ ผลการสอบถือเกณฑ์ ได้ หรือ ตก เท่านั่นไม่มีคะแนน
ข้อดีของการเป็นนักเรียนเตรียมทหาร 1. การเข้าศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร นักเรียนจะผ่านการสอบคัดเลือกเพียงครั้งเดียว แล้วจะได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเลย โดยมิต้องสอบคัดเลือกอีก และได้รับเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงในขณะศึกษาด้วย
2. เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมทหารจะได้เข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยมาก ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน อีกทั้งมีเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงให้ในระหว่างที่ศึกษาอยู่
3. โรงเรียนของเหล่าทัพ มีทุนการศึกษาระยะยาวในต่างประเทศให้แก่นักเรียน ที่เรียนดีในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ทุกเหล่า
4. เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนของเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะได้รับพระราชทานยศร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี และร้อยตำรวจตรี ได้รับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตร ตามสาขาวิชาและได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทันทีโดยมิต้องหางานทำอีก
5. จะได้รับราชการในอาชีพที่มีเกียรติ เป็นที่ยอมรับ สมศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายชาวไทย
หลักสูตรเตรียมทหาร
แต่ละเหล่าทัพจะออกข้อสอบเอง เพื่อคัดเลือกบุคคล เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เมื่อผ่านการสอบคัดเลือก นักเรียนก็ต้องมาเรียนที่ โรงเรียนเตรียมทหาร จนจบหลักสูตร จากนั้นจึงแยกย้ายกัน ขึ้นเหล่าทัพที่เลือกไว้ตั้งแต่ต้น ถ้าเลือกเหล่าตำรวจ เรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เหล่าทหารบกเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เหล่าทหารเรือเรียนโรงเรียนนายเรือ และเหล่าทหารอากาศเรียนโรงเรียนนายเรืออากาศ
หลักสูตรของโรงเรียนเตรียม ทหาร จะเป็นหลักสูตรเดียวกับของ กระทรวงศึกษาธิการ ที่สอนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) แต่ที่นี่จะมีเพียงสายวิทย์-คณิต จบจากโรงเรียนไปแล้ว ถ้าไม่ขึ้นเหล่าทัพที่เลือกตั้งแต่ต้น ก็สามารถไปสอบเอ็นทรานซ์ หรือไปเรียนต่อต่างประเทศได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่นิดว่า ถ้าลาออก หรือไม่ขึ้นเหล่า ก็ต้องจ่ายค่าปรับ
นอกจากจะสอนหลักสูตร ตามกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ทางโรงเรียนยังต้องสอนนักเรียน ตามที่แต่ละเหล่าทัพเน้นมาเป็นพิเศษด้วย ว่าต้องการให้นักเรียนที่จะขึ้นเหล่านั้นๆ เสริมความรู้วิชาไหนบ้าง อย่างเหล่าทัพอากาศ อาจเน้นวิชาฟิสิกส์ คอมพิวเตอร์ หรือคำนวณ ขณะที่เหล่าอื่นอาจเน้นต่างกันไป โรงเรียนก็ต้องสอนเพิ่มเติม ส่วนโรงเรียนเตรียมทหารเองจะเน้นเรื่องไอที และภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเน้นศัพท์เกี่ยวกับตำรวจ ทหาร ทั้งยังเน้นการเรียนภาคปฏบัติเรื่องระเบียบวินัยและความประพฤติ
ข้อมูลเพิ่มเติมการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร - กองทัพบก
http://precadet58.crma.ac.th/precadet58/index.asp - กองทัพเรือ
http://www.rtna.ac.th/annouce/index.php - กองทัพอากาศ
http://admission.rtafa.ac.th/
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
www.rpca-admission.com